สัตว์เลี้ยงที่ข้าพเจ้าชื่นชอบ
คือ......
1. แมวเปอร์เซีย

แมวเปอร์เซีย ถือเป็นราชินีแมวจากแดนตะวันออกกลางที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก วันนี้กระปุกดอทคอมจึงมีประวัติแมวเปอร์เซีย และวิธีเลี้ยงแมวเปอร์เซียมาฝาก
เพราะ แมวเปอร์เซีย เป็นแมวขนยาว หน้าตาน่าเอ็นดู หัวกลมสวย ตากลมโต มีหลายสีขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ รวมถึงหน้าตาก็มีหลายแบบ มีอุปนิสัยอ่อนโยน เข้ากับคนง่าย ร่าเริงซุกซน ชอบประจบประแจง และมีไหวพริบ ซึ่งแมวพันธุ์นี้นับเป็นแมวต่างประเทศที่ถูกนำเข้ามาเผยแพร่ในประเทศไทยเป็นพันธุ์แรกด้วย
แมวเปอร์เซีย มีถิ่นกำเนิดอยู่แถบเปอร์เซีย หรือประเทศตุรกี และอิหร่านในปัจจุบัน โดยในปี ค.ศ. 1684 ได้มีการบันทึกลายลักษณ์อักษรเกี่ยวกับที่มาของ แมวเปอร์เซีย หรือแมวเปอร์เซียน (Persian Cats) ว่า พ่อค้าทะเลทราย (หรือที่เรียกว่ากองคาราวาน) ทางแถบๆ ตะวันตกของตุรกีและอิหร่าน มักบรรทุกสินค้ามากมาย อาทิเครื่องเทศ อัญมณี และสินค้ามีค่าอื่น ๆ ซึ่งบางครั้งก็มีแมวขนยาวติดมาด้วย แมวขนยาวนั้นถูกซื้อโดยกะลาสีและได้นำแมวติดไปกับเรือสินค้าเดินทางเข้าทวีปยุโรป ซึ่งหลายปีต่อมาแมวพันธุ์นั้นถูกรู้จักในชื่อ เตอร์กิส แองโกร่า (Turkish Angora)
ต่อมาในปลายศตวรรษที่ 19 ชาวอังกฤษเริ่มผสมพันธุ์แมวเตอร์กิส แองโกร่า กับแมวสายพันธุ์อื่น และพัฒนาจนได้แมวที่มีขนหนาและยาวกว่าเดิม กระทั่งในที่สุดแมวพันธุ์นี้ก็ได้รับการยอมรับและจดทะเบียนขึ้นที่ประเทศอังกฤษในชื่อว่า Longhair ซึ่งชื่อของมันก็ถูกตั้งขึ้นตามประเทศต้นกำเนิดนั่นเอง
นอกจากประเทศอังกฤษแล้ว แมวเปอร์เซียยังถูกนำไปเลี้ยงในประเทศต่างๆ ทั้งยุโรปและอเมริกามานานหลายร้อยปี ซึ่งอเมริกาจะเรียกแมวพันธุ์นี้ว่า Persian
2.นกแก้วมาคอว์
มาคอว์ (อังกฤษ: Macaw) เป็นสัตว์ปีกอยู่ในวงศ์ Psittacidae มาคอว์จัดเป็นนกในตระกูลปากขอที่มีขนาดใหญ่ นิยมเลี้ยงกันมากเนื่องจากมีสีสันที่สวยงาม เชื่อง และสามารถพูดเลียนเสียงคนได้ มาคอว์ถือเป็นนกแก้วที่มีขนาดใหญ่ที่สุด มีถิ่นกำเนิดในเม็กซิโกและอเมริกาใต้ มีสีสันสวยงาม มีเสียงร้องที่ดังมากจะงอยปากจะใหญ่เป็นพิเศษ เหนือปากด้านบนจะมีสีขาวเส้นเล็กๆ คาดระหว่างปากกับหัว บนหัวมีขนสีเขียวสดและสีฟ้า ดวงตามีขนเป็นลายเส้นดำ 4-5 เส้น ขนบริเวณคอจนถึงหน้าอกเป็นสีเหลืองเข้มและขนหางมีสีแดงสด ขาสั้นใหญ่ แข็งแรง ขนที่ปีกบางทีก็เป็นสีฟ้าและสีเหลืองหรือสีเขียวเหลือง ขนาดของนกแก้วมาคอว์มีขนาดตั้งแต่ 32-35 นิ้ว อาหารของมาคอว์คือ ผลไม้และเมล็ดธัญพืช ชอบอยู่กันเป็นฝูงขนาดใหญ่ ในฤดูผสมพันธุ์จะจับคู่กันแบบคู่ใครคู่มัน และไปสร้างรังตามต้นไม้ใหญ่เพื่อวางไข่ วางไข่ครั้งละ 3-4 ฟอง ใช้เวลาฟักไข่ 30-35 วัน ขนของลูกนกจะขึ้นหลังจาก 3 สัปดาห์และขึ้นจนเต็มตัวและมีสีสันสวยงาม ลูกนกจะแข็งแรงเต็มที่เมื่ออายุสามเดือน ในระหว่างที่ยังเล็กต้องอาศัยอาหารจากแม่นกที่นำมาป้อน โดยจะใช้ปากจิกกินอาหารจากปากแม่ของมันจนกระทั่งลูกนกสามารถช่วยตนเองได้ และในที่สุดมันก็จะบินและหาอาหารเองโดยไม่ต้องอาศัยพ่อแม่อีกต่อไป
มาคอว์ หรือที่นิยมเรียกกันว่า นกแก้วมาคอร์ จัดเป็นนกในตระกูลปากขอที่มีขนาดใหญ่นิยมเลี้ยงกันมากหรือจะมากที่สุดก็ว่าได้ โดยเฉพาะมีสีสันที่สวยงาม สด ฉูดฉาด ใครพบเห็นจะหลงเสน่ห์แทบทั้งสิ้นในท่าทางที่สุดเชื่องและการพูดจาเลียนเสียงคนนั่นเอง นกแก้วมาคอว์ถือเป็นนกแก้วที่มีขนาดใหญ่ที่สุด มีถิ่นกำเนิดในแม็กซิโกและอเมริกาใต้ มีสีสันสวยงาม มีเสียงร้องที่ดังมากจงอยปากจะใหญ่เป็นพิเศษ เหนือปากด้านบนจะมีสีขาวเส้นเล็กๆคาดระหว่างปากกับหัว บนหัวมีขนสีเขียวสดและสีฟ้า ดวงตามีขนเป็นลายเส้นดำ 4-5 เส้น ขนบริเวณคอจนถึงหน้าอกเป็นสีเหลืองเข้มและขนหางมีสีแดงสด ขาสั้นใหญ่ แข็งแรง ขนที่ปีกบางทีก็เป็นสีฟ้าและสีเหลืองหรือสีเขียวเหลือง ขนาดของนกมาคอว์มีขนาดตั้งแต่ 32 นิ้ว-35 นิ้ว
มาคอว์ ที่ได้รับการเลี้ยงดูเป็นอย่างดีจะสนิทสนมกับผู้เลี้ยงอย่างสนิทสนม หากผู้เลี้ยงห่างเหินนกมาคอว์จะโศรกเศร้าแสดงอารมณ์ออกมาอย่างชัดเจน ดังนั้นคนที่เลี้ยงนกมาคอว์ควรจะให้ความสนใจและดูแลอย่างใกล้ชิด นกแก้วมาคอว์เป็น นกที่มีขนาดใหญ่มาก มีปากที่แหลมคม ประสาทตาไวมาก มีความฉลากและน่ารักในตัวของมันเอง เป็นนกที่เชื่องมาก หากเจ้าของเอาใจใส่มัน มันก็จะรักเราเหมือนที่เรารักมัน สามารถสอนให้เล่นจักรยาน สอนกิจกรรมต่าง ๆ ได้แต่ต้องหมั่นฝึกฝนจึงจะเป็น
3. หนูแก็สบี้
3. หนูแก็สบี้
จุดเริ่มต้นของหนูแกสบี้นั้น ได้มีการขุดค้นพบซากฟอสซิล สัตว์ฟันแทะในยุคพาเลโอซินี่ ประมาณ 57 ล้านปี ในยุคนั้นสัตว์ฟันแทะได้วิวัฒนาการรูปต่างต่างๆมากมาย จนถึงยุค 20 ล้านปี ก่อนยุค ไมโอซินี ตอนกลางพบว่า ต้นตระกูลของหนูแกสบี้พบในประเทศอเมริกาใต้ หลังจากนั้นเป็นต้นมาหนูแกสบี้ได้มีการพัฒนาเรื่องมาจาก
มีหลากหลายสายพันธุ์
ในอดีตหนูแกสบี้อาศัยอยู่ในป่าและในถ้ำ จึงเรียกหนูแกสบี้เหล่านี้ว่า “เควี่ป่า” (Wild cavies) ได้พบหนูแกสบี้ชนิดนี้อาศัยอยู่รวมกันเป็นกลุ่มและเป็นเพื่อนกับมนุษย์มานานแล้ว ประมาณ 10,000 ปีได้พบหลักฐานว่าเควี่ป่าได้มีการวิวัฒนาการจากสัตว์ป่ามาเป็นสัตว์เลี้ยงนับเป็นเวลาหลายพันปีโดยผู้พบเห็นคนแรกคือ ชนชาติละตินอเมริกาในเขตประเทศอเมริกาตอนใต้และได้นำเควี่มาทำอาหารและประมาณ 5000 ปี ก่อนคริสตกาล ชาวอินคาได้นำเควี่มาเป็นสัตว์เลี้ยง ใช้เนื้อมาประกอบอาหารและนำไปเป็นเครื่องไหว้ในพิธีทางศาสนาในปัจจุบัน ยังมีการนำเควี่มาเป็้นสัตว์เลี้ยงและใช้เนื้อเป็นอาหารและนำไปใช้เป็นเคื่องไว้ในพิธีทางศาสนาอยู่จะพบมากในทวีปอเมริกาใต้ ลิม่า เปรู ลาปาซ
วิวัฒนาการจากอเมริกาไปยังยุโรป
เมื่ออาณาจักรอิคาตกเป็นอาณานิคมของอาณาจักรสเปนได้มีพ่อค้านำเควี่ป่าไปเลี้ยงในทวีปยุโรป และที่ประเทศอังกฤษ ช่วงศตวรรษที่ 16 ราคาซื้อขายตัวละ 21 ซิลลิ่ง ซึ่งถือได้ว่าเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีราคาแพงและได้รับความนิยมชนิดหนึ่ง จนกระทั่งทำให้เควี่ป่ากลายเป้นสัตว์เลี้ยงไปโดยปริยาย นอกจากนี้ยังได้มีการผสมคัดเลือกและปรับปรุงสายพันธุ์จนได้ัลักษณะตัวที่มีสีสันสวยงามในสมัยนั้นระหว่างและหลังปี ค.ศ. 1600 หนูแกสบี้เป็นที่นิยมเลี้ยงกันของขุนนาง และชนชั้นสูงใน ทวีปยุโรป แม้กระทั่งพระนางเจ้าอลิซาเบธที่ 1 แห่งราชวงศ์อังกฤษก็ทรงเลี้ยงหนูแกสบี้ด้วยเหมือนกัน
การวิวัฒนาการจากยุโรปไปยังอเมริกาเหนือ
ในศตวรรษที่ 19 ได้มีชาวอังกฤษเดินทางไปตั้งรกรากที่ประเทศอเมริกา และได้นำหนูแกสบี้ที่มีการพัฒนาสายพันธุ์ ต่างๆที่สวยงามไปด้วย จนทำให้มีความนิยมเลี้ยงกัน เพิ่มมากขึ้น ในสมัยนั้นและปี ค.ศ. 1910 มีการจัดตั้งสมาคมผู้เลี้ยงหนูแกสบี้ชื่อว่า “สมาคมผู้เพาะพันธุ์หนูเควี่แห่งอเมริกา” (American Cavy Breeders Association หรือ ACBA) เป็นองค์กรที่ทำการควบคุมดูแลเกี่ยวกับหนูแกสบี้ของอเมริกา ซึ่งเป็นองค์กรที่แตกออกมาจากสมาคมผู้เพาะพันธุ์กระต่ายแห่งอเมริกา (American Rabbit Breeders Association , Inc.) จึงทำให้ปัจจุบันนี้หนูแกสบี้กลายเป็นสัตว์เลี้ยงยอดนิยมทั้งในประเทศและนอกประเทศ